“โอคิคุ” คือตุ๊กตาเล็กๆ ที่มีความเชื่อว่าเป็นตัวแทนของโรคหรือปัญหาทางสุขภาพ ซึ่งมาจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในวงการเชิงศิลปะและวัฒนธรรมไปทั่วโลก ตุ๊กตาโอคิคุมักถูกสร้างขึ้นให้เป็นรูปลักษณ์ของอาการหรือโรคที่ต้องการเอาไปแสดงในการสร้างสติปัญญาหรือการเสริมสร้างความรู้สึกในผู้ชม นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าการที่จะเข้าใกล้เจ้าตุ๊กตาโอคิคุและการสนทนากับเขาอาจจะทำให้ความหวาดกลัวหรือปัญหาทางสุขภาพลดลง และมีการแสดงต่อไปในหลายศิลปะและวัฒนธรรม เช่น ละคร, หนังสือการ์ตูน, ภาพวาด และอื่นๆ
เรื่องตำนานของตุ๊กตาผีสิง โอคิคุ (Okiku)
ตุ๊กตาผีญี่ปุ่น ผมยาวเองได้
ตุ๊กตากับวิญญาณเป็นสิ่งที่มักมีความสัมพันกัน โดยต้นกำเนิดของตุ๊กตานั้น ถูกสันนิษฐานว่า ทำขึ้นมาเพื่อเป็นตัวแทนของสิ่งต่างๆ เช่น คน สัตว์ หรือสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้น เมื่อตุ๊กตาเป็นตัวแทนของสิ่งต่างๆจึงไม่แปลกที่จะมีวิญญาณเข้ามาสิงสู่ ยังมีความเชื่ออีกว่า ยิ่งผู้สร้างหรือเจ้าของตุ๊กตานั้น ผูกพันกับตุ๊กตามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเกิดเป็นดวงวิญญาณเข้าสิงสู่ในตุ๊กตามากขึ้นเท่านั้น สำหรับประเทศญี่ปุ่นเองก็มีเรื่องเล่าสุดสยองขวัญของตุ๊กตาผีสิงอยู่เช่นกัน อย่างเรื่องเล่าของคิคุโกะ
คิคุโกะหรือโอคิคุ ถูกเรียกอีกชื่อว่า ตุ๊กตาต้องสาป มีความสยองขวัญตรงที่เส้นผมของตุ๊กตาตัวนี้จะยาวขึ้นในทุกๆปีเหมือนกับผมของคนจริงๆ โดยเรื่องเล่าของคิคุโกะนั้นมีอยู่ว่า มีครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยพ่อ แม่ พี่ชายและน้องสาว วันหนึ่งพี่ชายได้เดินทางไปที่ตลาด แล้วเจอกับตุ๊กตาตัวหนึ่งเข้า เป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงผมยาวในชุดยูกาตะแบบญี่ปุ่น
ทันทีที่เห็นตุ๊กตาตัวนั้นพี่ชายก็นึกถึงน้องสาวของเขาขึ้นมา จึงตัดสินใจซื้อตุ๊กตาตัวนี้ไปฝาก ซึ่งน้องสาวก็ชื่นชอบตุ๊กตาตัวนี้มาก ไม่ว่าไปที่ไหน ทำอะไรก็มักจะพกตุ๊กตาไปด้วยเสมอ จนกระทั่งวันนึงน้องสาวเกิดล้มป่วยขึ้นมา และไม่นานนักเธอก็เสียชีวิตลง คนในครอบครัวเสียใจมาก จึงได้เอาตุ๊กตาตัวนี้ไปวางไว้บนหิ้งคู่กับเถ้ากระดูกของเธอ เพื่อเป็นตัวแทนของน้องสาว
หลังจากน้องสาวตายไปได้ไม่นาน ก็มีเรื่องราวหลอนๆเกิดขึ้นกับคนภายในบ้าน ทั้งได้ยินเสียงประหลาด เห็นตุ๊กตาเดินเองได้ ตุ๊กตากระพริบตาและหันมองตาม แม้กระทั่งในฝันของพี่ชายก็ถูกตุ๊กตาเข้าฝันมาหลอกหลอน ในที่สุดคนเป็นพี่ชายก็ทนไม่ไหวจึงนำตุ๊กตาตัวนี้ไปถวายไว้ที่วัดมันเนนจิ จังหวัดคุริซาว่าซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา หลังจากเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปถวายพระที่วัดก็ค้นพบว่าผมของตุ๊กตาตัวนี้จะยาวขึ้นในทุกๆปีอย่างน่าอัศจรรย์ จนเป็นที่มาของการทำพิธีตัดผมให้ตุ๊กตาตัวนี้ในทุกๆปี และตุ๊กตาตัวนี้ก็โด่งดังขึ้นจากเรื่องเล่าสยองขวัญดังกล่าว
ตุ๊กตาตัวนี้เป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่นในชื่อว่า “ตุ๊กตาคุคิโกะ” ซึ่งเป็นการเรียกตามชื่อของเจ้าของ ปัจจุบันตุ๊กตาถูกเก็บไว้ที่วัดมันเนน โดยในวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี ที่วัดมันเนนจะมีพิธีตัดผมที่ปรกหน้าตุ๊กตาออก และเปลี่ยนชุดกิโมโนให้ใหม่ แต่ถึงอย่างไรผมตุ๊กตาที่ตัดแล้วทุกปี ก็ยังคงยาวขึ้นมาใหม่อยู่เสมอ
จนกลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญในเมืองฮอกไกโดที่หากนักท่องเที่ยวมาเยือนที่นี่จะต้องได้ไปถ่ายรูปหรือไปเยี่ยมชมตุ๊กตาคิคุโกะดูสักครั้ง
ในอดีตนั้นคิคุโกะเป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันน่าเกรงขาม เพราะผู้คนในสมัยนั้นยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเส้นผมของคิคุโกะถึงยาวขึ้นในทุกๆปี แต่ปัจจุบันมีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า คิคุโกะเป็นตุ๊กตาที่ถูกทำขึ้นโดยการพับผมสองทบแล้วเอากาวติดกับหนังศรีษะไว้ เมื่อกาวที่ติดผมเริ่มหลุด ผมก็ค่อยๆไหลลงมาทำให้ผมของคิคุโกะดูยาวขึ้นในทุกๆปีนั่นเอง แต่บ้างก็บอกว่าเส้นผมของคิคุโกะนั้นถูกทำมาจากผมคนจริงๆหนังหัวก็มีสภาพคล้ายกับหนังศีรษะของมนุษย์จริงๆ เส้นผมจึงสามารถเจริญเติบโตได้ แต่ไม่ว่าเรื่องราวแท้จริงจะเป็นอย่างไรนั้น ตำนานความหลอนของคิคุโกะก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดี
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตุ๊กตาโอคิคุก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัดเล็ก ๆ แห่งนี้ เมื่อเสียงร่ำลือของตุ๊กตาผีสิงตัวนี้เริ่มแพร่กระจายออกไป ก็มีผู้คนมากมายต้องการเดินทางมาเห็นตุ๊กตาตัวนี้ด้วยตาตัวเอง ที่สำคัญคือทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพ นั่นจึงทำให้เรามีรูปภาพของโอคิคุไม่มากนัก ทุกวันนี้ มีเสียงร่ำลือกันว่า โอคิคุมีผมยาวสลวยถึงเข่า เมื่อผมของมันยาวจนเกินไป พระในวัดก็จะตัดมันบ้างเป็นครั้งคราว จริง ๆ แล้วมันค่อนข้างน่าขนลุกเมื่อคุณไปตัดผมของตุ๊กตา แต่พระรูปหนึ่งเริ่มตัดผมของตุ๊กตาหลังจากที่โอคิคุมาเข้าฝันเพื่อขอให้เขาทำ แต่ก็ไม่มีใครอธิบายว่าทำไมผมของตุ๊กตาถึงยาวขึ้นเองได้ บางแหล่งข้อมูลอ้างว่า มีผลการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่า ผมของโอคิคุคือผมของเด็กจริง แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ามันยาวขึ้นได้เอง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มีคำกล่าวอ้างที่บอกว่าหากคุณเข้าไปใกล้มากพอและมองเข้าไปในปากที่เผยอขึ้นเพียงครึ่งเดียว ก็จะเห็นฟันที่กำลังเติบโตของมันอีกด้วย
บทความในหน้งสือพิมพ์ฮอคไกโด (北海道新聞) ปี 1970 ที่ลงเรื่องตุ๊กตาผมยาวได้
ส่วนเรื่องตำนานของตุ๊กตามีลงครั้งแรกในนิยสารสำหรับผู้หญิง 週刊女性自身 ปี 1962
แต่ตอนนั้นบทความเขียนว่าเด็กผู้หญิงที่เป็นเจ้าของชื่อ sayako แต่ 6 ปีหลังจากนั้นมีบทความเรื่องนี้อีก
จากคนเขียนคนเดิมลงในนิตยสาร ヤングレディ แต่ชื่อเด็กผู้หญิงกลายเป็น kikuko
และปีที่เด็กผู้หญิงตายนั้นต่างจากในบทความแรก
แล้วก็มีเรื่องเพื่มเติมมาจากบทความแรก และไม่ตรงกันหลายจุด
ในระยะหลังๆ ชาวญี่ปุ่นได้พยายามหาคำตอบเชิงวิทยาศาสตร์ถึงสาเหตุที่ตุ๊กตาผมยาวได้เอง โดยมีอยู่สมมติฐานหนึ่งที่หลายเชื่อว่ามีความเป็นไปได้คือ ตุ๊กตาประเภทนี้ ในขั้นตอนการผลิตจะใช้ผมยาวมากกว่า 2 เท่าของที่อยากให้เป็นแล้ววางพาดตรงกลางหัวของตุ๊กตา เช่น อยากให้ตุ๊กตาตัวนี้ผมยาว 10 เซนติเมตร ก็เอาผมยาว 25 เซนติเมตรวางพาดกลางหัวแล้วใช้กาวยึดไว้ ซึ่งก็จะได้ตุ๊กตาผมยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ทีนี้พอนานไป หากกาวก็เรื่มเสื่อม ผมมันก็เลื่อนลงไปข้างหลังทีละนิด อาจทำให้ดูเหมือนผมยาวขึ้นนั้นเอง
นักวิจัยและนักประวัติศาสตร์ไม่ค่อยมีข้อมูลที่สามารถพิสูจน์ให้เชื่อว่ามีตุ๊กตาผีสิง โอคิคุ ที่เก็บรักษาไว้จริงๆ แต่ความเชื่อในเรื่องนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประจำชาติ ญี่ปุ่น และเป็นเรื่องราวที่ถูกนำมาใช้ในนวนิยาย สืบทอดผ่านรูปแบบต่าง ๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีสภาพจริงหรือไม่ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของท้องถิ่นและวัฒนธรรมที่น่าสนใจในประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
แม้เวลาจะผ่านมานานมาก แต่ชาวญี่ปุ่นต่างเล่าขานเรื่องนี้สืบต่อกันมา ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่มีทั้งสถานที่ และตัวตุ๊กตาที่ถูกเก็บไว้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนเชื่อว่า นี่คือ “ตุ๊กตาเพื่อนตาย ที่ยังมีลมหายใจ” ส่วนเรื่องผมของตุ๊กตาที่ยาวขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ ทุกปี ก็ยังเรื่องชวนน่าสงสัยที่รอการพิสูจน์จนถึงปัจจุบัน